มีคำถามเข้ามาหลายครั้งว่าทำไมไม่เอาขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ไปใส่นาหรือแปลงเพาะปลูกโดยตรง เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดกว่าการทำปุ๋ยหมักเองอีก ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเรื่องของ ปุ่ย ก่อน แยกความต่างระหว่าง ปุ๋ยขี้ไก่ กับ ปุ่ยขี้วัวให้ออก เพราะทั้งสองอยากถึงจะมาจากมูลสัตว์เหมือนกัน แต่ก็ใช้งานต่างกันมาก
ตามพื้นฐานแล้ว ขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่มีธาตุอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช โดยเฉพาะอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ธาตุอาหารรองและจุลธาตุอื่นๆ ก็ต่ำกว่าปุ๋ยหมักปกติ เมื่อนำขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ไปใส่นาหรือแปลงเพาะปลูกโดยตรง พืชอาจได้รับธาตุอาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับมากเกินไปจนทำให้พืชเสียหายได้
นอกจากนี้ การใช้ ขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของหนอนด้วง ซึ่งอาจทำลายรากพืชได้อีกด้วย

ข้อแตกต่างระหว่าง ปุ๋ยขี้ไก่ กับ ปุ่ยขี้วัว
ปุ๋ยขี้ไก่และปุ๋ยขี้วัวเป็นปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ที่ย่อยสลายแล้ว ทั้งสองชนิดมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช แต่มีสัดส่วนของธาตุอาหารที่แตกต่างกัน จึงทำให้เหมาะกับพืชประเภทต่างๆ ดังนี้
ปุ๋ยขี้ไก่
เหมาะกับพืชที่ต้องการธาตุอาหารไนโตรเจนสูง เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ผักใบเขียว พืชผักสวนครัว
- มีสัดส่วนของไนโตรเจน (N) สูง ประมาณ 1.5-2%
- มีสัดส่วนของฟอสฟอรัส (P) ประมาณ 0.5-1%
- มีสัดส่วนของโพแทสเซียม (K) ประมาณ 0.5-1%
- มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมอื่นๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง ฯลฯ
- มีกลิ่นฉุนมาก
- ย่อยสลายเร็ว ประมาณ 3-6 เดือน
- เหมาะกับพืชที่ต้องการธาตุอาหารไนโตรเจนสูง เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ผักใบเขียว พืชผักสวนครัว

ปุ๋ยขี้วัว
เหมาะกับพืชที่ต้องการธาตุอาหารฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง เช่น ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชตระกูลถั่ว
- มีสัดส่วนของไนโตรเจน (N) ประมาณ 0.5-1%
- มีสัดส่วนของฟอสฟอรัส (P) ประมาณ 0.2-0.5%
- มีสัดส่วนของโพแทสเซียม (K) ประมาณ 0.5-1%
- มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมอื่นๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง ฯลฯ
- มีกลิ่นไม่ฉุนเท่าปุ๋ยขี้ไก่
- ย่อยสลายช้า ประมาณ 6-12 เดือน
- เหมาะกับพืชที่ต้องการธาตุอาหารฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง เช่น ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชตระกูลถั่ว
สรุปได้ว่า ปุ๋ยขี้ไก่และปุ๋ยขี้วัวเป็นปุ๋ยคอกที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่มีสัดส่วนของธาตุอาหารที่แตกต่างกัน จึงเหมาะกับพืชประเภทต่างๆ ดังนี้
ข้อดีของการทำปุ๋ยหมักจากขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ ใช้ผสมกันได้ไหม

การทำปุ๋ยหมักจากขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ร่วมกับเศษพืชอื่นๆ จะช่วยเพิ่มคุณค่าธาตุอาหารให้กับปุ๋ยได้มากขึ้น ปุ๋ยหมักมีอินทรียวัตถุสูง ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
การทำปุ๋ยหมักใช้เวลาเพียง 2 เดือน เมื่อเทียบกับการเผาตอซังหรือฟางทิ้งซึ่งจะทำให้ดินขาดอินทรียวัตถุ ปุ๋ยหมักมีต้นทุนต่ำกว่าการใส่ปุ๋ยเคมี
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่กำลังจะใช้ปุ่ยมูลสัตว์
เกษตรกรควรหันมาใส่ใจการทำปุ๋ยหมักจากเศษพืชต่างๆ โดยเฉพาะฟางข้าว ตอซังข้าว เศษไม้ เศษผักตบชวา ฯลฯ การทำปุ๋ยหมักเป็นวิธีเพิ่มธาตุอาหารให้กับดินได้อย่างยั่งยืน และช่วยให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง
การปลูกข้าวแบบอินทรีย์โดยใช้ปุ๋ยหมักจากเศษพืชต่างๆ สามารถเพิ่มผลผลิตและมูลค่าของข้าวได้ ข้าวกล้องอินทรีย์มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 50 บาท
ยุคนี้ใครยอม “เปลี่ยน” ก่อนได้เปรียบ ใครมีดวงตาเห็นธรรมก่อน ได้เปรียบ ชีวิตใครชีวิตมัน คุณภาพชีวิตจะดีได้ เพราะยอมเปลี่ยนนี่แหละครับ
สรุป
การทำปุ๋ยหมักจากขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ร่วมกับเศษพืชอื่นๆ มีข้อดีหลายประการ เช่น เพิ่มคุณค่าธาตุอาหารให้กับปุ๋ย ปรับปรุงโครงสร้างของดิน ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ดีมากกว่าที่คุณคิด