การพันสินค้าด้วยฟิล์มยืด เป็นกระบวนการที่ใช้ฟิล์มยืด ห่อหุ้มหรือบรรจุสินค้าเพื่อป้องกันการชำรุดหรือความเสียหาย ฟิล์มยืดมักถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมขนส่งและบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยให้สินค้าปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง นอกจากนี้ฟิล์มยืดยังมีการใช้ในการบรรจุภัณฑ์สินค้าเพื่อรักษาความสดของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในภาชนะหรือแพคเกจอีกด้วย
เทคนิคการพันสินค้าด้วยฟิล์มยืด
- เลือกชนิดของฟิล์มยืด
ควรเลือกฟิล์มยืดที่เหมาะกับประเภทของสินค้าและการใช้งาน ซึ่งมีสองประเภทหลัก ๆ คือ ฟิล์มยืดแบบใช้มือและฟิล์มยืดแบบเครื่องจักร ฟิล์มยืดแบบเครื่องจักรมักใช้ในการพันสินค้ามากกว่าเนื่องจากมีประสิทธิภาพและความรวดเร็วกว่า นอกจากนี้ยังมีฟิล์มยืดที่มีความหนาและความยืดหยุ่นต่างกัน ควรเลือกฟิล์มที่เหมาะกับความต้องการ
- เตรียมสินค้า
ก่อนที่จะเริ่มพันสินค้าด้วยฟิล์มยืด ควรจัดเตรียมสินค้าให้พร้อม ตรวจสอบว่าสินค้าครบ และไม่มีส่วนที่แหลมคมยื่นออกมา ที่อาจทำให้ฟิล์มแตกหรือขาดได้ รวมถึงจัดวางสินค้าให้เป็นกลุ่มและวางให้อยู่ในที่ที่เพื่อง่ายต่อการพันสินค้า
- เริ่มพันสินค้า
ในขั้นตอนนี้ สามารถใช้เครื่องจักรพันสินค้าหรือทำด้วยมือเอง หากใช้เครื่องจักร ควรตั้งค่าเครื่องให้เหมาะสมกับขนาดและรูปร่างของสินค้า หากใช้มือในการพันสินค้าเอง จะต้องดึงฟิล์มจากม้วนและพันรอบๆ สินค้าโดยใช้มือและหุ้มสินค้าอย่างเหมาะสม ควรใช้ถุงมือเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
- ปรับแต่งความตึงของฟิล์ม
ควรปรับแต่งระดับความตึงของฟิล์มให้เหมาะสมกับสินค้า หันด้านที่เป็นกาว ฟิล์มยืดควรถูกติดอยู่กับสินค้าอย่างแน่นหนาแต่ไม่ถึงขั้นแน่นเกินไป อาจจะทำให้สินค้าเสียหายได้
- พันบริเวณล่างขึ้นบน
เริ่มพันฟิล์มยืดที่บริเวณล่างขึ้นบนของสินค้า หันด้านที่เป็นบริเวณกาวของฟิล์ม ตั้งจุดเริ่มให้ปลายของฟิล์มเหน็บกับสินค้าล่างสุด ล้วควร ๆ พันขึ้นเรื่อย ๆ และเช็คความตึงของสินค้า ไม่ให้หย่อนหือแน่นจนเกินไป
- เพิ่มชั้นฟิล์ม
หากต้องการความมั่นคงและความปลอดภัยมากขึ้น สามารถเพิ่มชั้นฟิล์ม โดยการพันฟิล์มให้แน่นหนาขึ้นในส่วนที่ต้องการ โดนทั่วไปจะพันทับกันประมาณ 3 ชั้น
- ตัดฟิล์มและคลุมรอบฐานสินค้า
หลังจากพันสินค้าเสร็จสิ้น สามารถตัดฟิล์มออกได้เลยหรือพันฟิล์มคลุมรอบฐานของสินค้า โดยพันประมาณ 4 รอบ เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าสินค้าและความชื้นจากภายนอกสินค้าได้
อย่างไรก็ตาม การพันสินค้าด้วยฟิล์มยืด เป็นเทคนิคที่ใช้ในการห่อหุ้มสินค้าเพื่อป้องกันการชำรุดและสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดและรูปร่างต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนได้ไม่น้อยในการรักษาความปลอดภัยและคงสภาพของตัวสินค้าขณะขนส่ง แต่ควรใช้เทคนิคและเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อให้สินค้าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดตลอดการขนส่งนั่นเอง